เจาะลึกมาตรฐานโลกไส้กรอง ไขความต่างระหว่าง HEPA H13 และ HEPA-Type

ในยุคที่ มลพิษทางอากาศ เป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพปอด การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ได้มาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หัวใจสำคัญของเครื่องฟอกอากาศคือ ไส้กรองเครื่องฟอกอากาศ และนั่นคือที่มาของความสับสนระหว่าง HEPA H13 และ HEPA-Type ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านคุณภาพอากาศ บทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจถึงความแตกต่างที่ละเอียดอ่อนแต่สำคัญยิ่ง เพื่อให้คุณได้ตัดสินใจเลือกสิ่งที่มอบ อากาศบริสุทธิ์ ที่สุดสำหรับบ้านคุณ (ประมาณ 820 คำ)


 

ภาค 1: ทำความเข้าใจมาตรฐานสากลของ HEPA

 

คำว่า HEPA ย่อมาจาก High-Efficiency Particulate Air ไม่ใช่เพียงแค่ชื่อ แต่คือ มาตรฐานการกรองขั้นสูง ที่ถูกกำหนดขึ้นครั้งแรกโดยคณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณูแห่งสหรัฐอเมริกา (AEC) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อกรองอนุภาคกัมมันตภาพรังสี ปัจจุบัน True HEPA Filter (หรือ Real HEPA) คือไส้กรองที่ผ่านการทดสอบว่าสามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด

 

1.1 True HEPA: มาตรฐานที่ต้องมี (99.97% ที่ 0.3 ไมโครเมตร)

 

True HEPA โดยทั่วไปหมายถึงไส้กรองที่สามารถดักจับอนุภาคที่มีขนาด 0.3 ไมโครเมตร ได้ในอัตราไม่ต่ำกว่า 99.97% (ตามมาตรฐานของ DOE ของสหรัฐอเมริกา)

 

1.2 MPPS: จุดที่กรองยากที่สุด

 

ขนาดอนุภาค 0.3 ไมโครเมตร ถูกเรียกว่า MPPS (Most Penetrating Particle Size) เป็นขนาดที่อนุภาคมีโอกาสทะลุผ่านใยกรองได้มากที่สุด การที่ไส้กรองถูกออกแบบมาให้ดักจับอนุภาคที่จุดอ่อนที่สุดนี้ได้ จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นที่อันตรายทุกขนาด รวมถึง PM2.5 สปอร์เชื้อรา และละอองเกสร ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคภูมิแพ้และปัญหาระบบทางเดินหายใจ


 

️ ภาค 2: HEPA H13 - เกรดการแพทย์ที่เหนือกว่า

 

HEPA H13 คือระดับของ True HEPA ที่ได้รับการยกระดับและรับรองตามมาตรฐานยุโรป EN 1822 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลกสำหรับตัวกรองที่ใช้ในอุตสาหกรรมและสถานพยาบาลที่ต้องการความสะอาดสูง (Cleanroom)

 
 

คุณสมบัติเด่นของ HEPA H13:

 

1. ประสิทธิภาพสูงพิเศษ: โดยทั่วไป HEPA H13 จะมีประสิทธิภาพการกรองที่ 99.95% - 99.97% สำหรับอนุภาค 0.3 ไมโครเมตร ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของ True HEPA ทั่วไปอย่างชัดเจน และถือเป็น เกรดการแพทย์ (Medical Grade)
2. การใช้งานที่เข้มงวด: ไส้กรองเกรดนี้ถูกใช้ใน โรงพยาบาล ห้องผ่าตัด ห้องปฏิบัติการ และพื้นที่ควบคุมการปนเปื้อน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของแบคทีเรียและไวรัสในอากาศที่ถูกดักจับ
3. มั่นใจในความบริสุทธิ์: การเลือกใช้ H13 ช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าอากาศที่ออกมาจากเครื่องฟอกอากาศนั้น บริสุทธิ์ ในระดับสูงสุด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้มีอาการ ภูมิแพ้ หรือโรคหอบหืดที่ต้องหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ทุกชนิด
    
   
    
   

ภาค 3: HEPA-Type - การตลาดที่ไม่ใช่มาตรฐานสากล

 

คำว่า HEPA-Type (หรือ HEPA-Like, HEPA-Style) เป็นคำที่ผู้ผลิตบางรายใช้เพื่ออธิบายไส้กรองที่มีลักษณะคล้าย HEPA แต่ ไม่ได้ผ่านการรับรอง ตามมาตรฐาน True HEPA (H13 หรือ H14) ที่เข้มงวด

 

ปัญหาของ HEPA-Type:

 

• ประสิทธิภาพต่ำกว่า: HEPA-Type มักจะมีประสิทธิภาพการกรองต่ออนุภาค 0.3 ไมโครเมตร ต่ำกว่า 99.95% อย่างชัดเจน
  
  ตัวอย่าง: ผู้ผลิตอาจระบุว่ากรองได้ 99% แต่เป็นการกรองอนุภาคขนาดใหญ่ เช่น 2.0 หรือ 5.0 ไมโครเมตร ซึ่งไม่ใช่จุดทดสอบที่ยากที่สุด
• ไม่มีการรับรองที่ชัดเจน: เนื่องจากไม่ได้ผ่านการทดสอบมาตรฐาน EN 1822 หรือ DOE ผู้บริโภคจึงไม่สามารถเชื่อถือตัวเลขประสิทธิภาพที่ระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์ได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรับมือกับ มลพิษทางอากาศ ระดับ PM2.5 ที่มีอันตรายสูง
• ราคาและคุณภาพ: ไส้กรองประเภทนี้มักมี ราคาถูกกว่า มาก และอาจเป็นตัวเลือกที่เข้าถึงได้ง่าย แต่ผู้บริโภคควรตระหนักว่าประสิทธิภาพการปกป้องสุขภาพย่อมน้อยลงตามไปด้วย
   
  
   
  

สรุปและข้อแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

 

การลงทุนในสุขภาพที่ดีไม่ควรประนีประนอม หากคุณต้องการการป้องกันสูงสุดจากฝุ่นละอองที่มองไม่เห็นอย่าง PM2.5 และเชื้อโรคในอากาศ คุณควรเลือกใช้ไส้กรองที่ระบุชัดเจนว่าเป็น True HEPA, HEPA H13 หรือ H14 เท่านั้น

ในทางกลับกัน HEPA-Type ควรถูกพิจารณาสำหรับการฟอกอากาศในระดับพื้นฐานเท่านั้น การเลือกไส้กรองที่ได้มาตรฐานสากลไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณได้อากาศที่สะอาดกว่า แต่ยังเป็น การลงทุน ในระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพในระยะยาวของคนในครอบครัวของคุณ

 

แหล่งอ้างอิง:
 

• European Standard EN 1822-1: High efficiency air filters (EPA, HEPA and ULPA) (มาตรฐานยุโรปว่าด้วยการจำแนกประเภทตัวกรองอากาศประสิทธิภาพสูง)
• U.S. Department of Energy (DOE): กำหนดมาตรฐานพื้นฐานของ True HEPA (99.97% ที่ 0.3 ไมโครเมตร)