แชร์

HiRES Audio Wireless คืออะไร

อัพเดทล่าสุด: 29 ม.ค. 2025

เทคโนโลยีไร้สายกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน การฟังเพลงแบบไร้สายก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้งานที่ใส่ใจในคุณภาพเสียง คำว่า Hi-Res Audio Wireless หรือเสียงคุณภาพสูงแบบไร้สาย อาจเป็นคำที่คุณเคยได้ยินหรือเห็นในโฆษณาหูฟังและลำโพงรุ่นใหม่ๆ แต่คำนี้มีความหมายอย่างไร? และมันช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์เสียงที่เหนือกว่าได้จริงหรือไม่? บทความนี้จะเจาะลึกถึงเทคโนโลยีดังกล่าว พร้อมข้อมูลเชิงลึกที่น่าเชื่อถือเพื่อเพิ่มความเข้าใจและมุมมองใหม่ให้กับผู้อ่าน

Hi-Res Audio คืออะไร?

Hi-Res Audio หรือ High-Resolution Audio คือไฟล์เสียงดิจิทัลที่มีคุณภาพสูงกว่ามาตรฐาน CD โดยมีค่าความละเอียด (Bit Depth) และอัตราการสุ่มตัวอย่าง (Sampling Rate) ที่สูงกว่า ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดของเสียงได้อย่างแม่นยำและสมจริงมากขึ้น เสมือนการฟังต้นฉบับในห้องบันทึกเสียง

  • Bit Depth: ความละเอียดของข้อมูลเสียงที่ใช้ในการบันทึก ยิ่งค่า Bit Depth สูง เสียงก็จะมีไดนามิกและความสมจริงมากขึ้น เช่น 16-bit (มาตรฐาน CD) และ 24-bit (Hi-Res Audio)
  • Sampling Rate: จำนวนครั้งที่เสียงถูกบันทึกต่อวินาที ยิ่งค่า Sampling Rate สูง รายละเอียดของเสียงก็จะสมจริงขึ้น เช่น 44.1 kHz (มาตรฐาน CD), 96 kHz หรือ 192 kHz (Hi-Res Audio)

เมื่อรวมกัน Bit Depth และ Sampling Rate จะช่วยให้ผู้ฟังสัมผัสเสียงที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับมากที่สุด เช่น ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีหรือรายละเอียดเล็กน้อยที่ไฟล์ MP3 ไม่สามารถถ่ายทอดได้

Hi-Res Audio Wireless: เมื่อคุณภาพเสียงพบกับความสะดวกสบาย

Hi-Res Audio Wireless คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถส่งสัญญาณเสียงคุณภาพ Hi-Res ผ่านการเชื่อมต่อไร้สาย เช่น Bluetooth โดยยังคงรักษาคุณภาพเสียงที่สูงไว้ได้ ซึ่งแตกต่างจากการส่งเสียงแบบ Bluetooth มาตรฐานที่มักมีการบีบอัดสัญญาณจนทำให้เสียงบางส่วนสูญเสียรายละเอียดไป

เทคโนโลยีเบื้องหลัง Hi-Res Audio Wireless

การส่งสัญญาณเสียง Hi-Res แบบไร้สายต้องใช้ Codec (ตัวเข้ารหัสและถอดรหัสสัญญาณเสียงดิจิทัล) ที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อรักษาคุณภาพเสียง Codec ที่สำคัญใน Hi-Res Audio Wireless ได้แก่:

  • LDAC (พัฒนาโดย Sony): รองรับการส่งข้อมูลได้สูงสุด 990 kbps ซึ่งมากกว่า Codec ทั่วไปอย่าง SBC หรือ AAC ทำให้สามารถส่งสัญญาณเสียง Hi-Res ได้ใกล้เคียงต้นฉบับมากที่สุด
  • LHDC (Low Latency and High-Definition Codec): พัฒนาโดย Savitech มีความคล้ายคลึงกับ LDAC โดยสามารถส่งข้อมูลได้สูงสุด 900 kbps
  • aptX HD (พัฒนาโดย Qualcomm): รองรับเสียงในระดับ 24-bit/48kHz ด้วย Bitrate สูงสุดที่ 576 kbps แม้จะต่ำกว่า LDAC แต่ยังให้คุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยมเมื่อเทียบกับ Codec Bluetooth ทั่วไป

ข้อดีของ Hi-Res Audio Wireless

คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม:

  • รายละเอียดเสียงที่คมชัด ไดนามิกที่กว้าง และความสมจริงที่เหนือชั้น ทำให้ผู้ฟังรู้สึกใกล้ชิดกับต้นฉบับของเสียงเพลงมากขึ้น

ความสะดวกสบายแบบไร้สาย:

  • การเชื่อมต่อที่ไม่ต้องใช้สายทำให้การใช้งานคล่องตัวและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา

การฟังเพลงที่สมจริง:

  • เสียงที่ถูกถ่ายทอดออกมาให้ใกล้เคียงกับการฟังในห้องบันทึกเสียง สร้างประสบการณ์การฟังที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อใช้งาน Hi-Res Audio Wireless

1.ความเข้ากันได้ของอุปกรณ์:

  • อุปกรณ์ทั้งที่ส่งและรับสัญญาณ เช่น สมาร์ทโฟนและหูฟัง ต้องรองรับ Codec Hi-Res เช่น LDAC, LHDC หรือ aptX HD

2.ไฟล์เพลง Hi-Res:

  • ใช้ไฟล์เพลงที่มีคุณภาพ Hi-Res จริง เช่น FLAC, WAV หรือ DSD ไฟล์ MP3 อาจไม่สามารถแสดงประสิทธิภาพของ Hi-Res Audio ได้

3..Bluetooth เวอร์ชัน:

  • อุปกรณ์ควรรองรับ Bluetooth เวอร์ชันใหม่ๆ เช่น 5.0 หรือสูงกว่า เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์และลดปัญหาความหน่วง

4.พลังงานแบตเตอรี่:

  • การใช้ Codec Hi-Res อาจใช้พลังงานมากกว่า Codec มาตรฐาน ดังนั้นควรเลือกอุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี่คุณภาพดี

วันนี้เราจะแนะนำ 2หูฟังรุ่น top จากทาง Isuper

iSUPER SOUND PRO Max

ตัวแรกขอเปิดตัวในรุ่นที่ดีที่สุดของทางร้านเรา สมบูรณ์ทุกย่านเสียง ปรับจูนโดยผู้เชี่ยวชาญให้โทนเสียงตามสไตล์คนไทย ให้โทนเสียงเบสที่หนักแน่น เสียงกลางคมชัด และรายละเอียดที่ครบถ้วน ขับคุณภาพเสียง ด้วย Dynamic Driver ขนาด 12 มิลลิเมตร ดำดิ่งความเงียบไปอีกขั้น ด้วยเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน Adaptive ANC ลดเสียงรบกวนได้มากสุดถึง -46dB มอบความเงียบที่มากกว่า สามารถปรับระดับการตัดเสียง ด้วย Ai ตามสถานการณ์ที่พบเจอ ช่วยให้การฟังเพลง และการดูคอนเทนต์ต่างๆ มีอรรถรสมากยิ่งขึ้น 360° Stereo Sound เปิดประสบการณ์ด้านทิศทางของเสียงที่มากกว่า ช่วยเพิ่มเวทีเสียง และการรับรู้ทิศทางให้กับการใช้งาน

สามารถเปิดใช้งานได้ผ่านแอปพลิเคชัน คมชัดทุกการสนทนา ด้วยไมโครโฟน 6 ตัว + ENC ตัดเสียงรบกวน หูฟัง 1 ข้าง มาพร้อมไมโครโฟนถึง 3 ตัว ที่ทำหน้าที่ต่างกันออกไป Main Mic ไมโครโฟนรับเสียงพูดของผู้ใช้งาน Feedforward Mic ไมโครโฟนรับเสียงจากภายนอก Feedback Mice ไมโครโฟนลดเสียงสะท้อน สะดวกกว่า ด้วย Smart Wearing Detect ระบบตรวจจับการสวมใส่ สามารถหยุดเพลงเมื่อถอด และเล่นเพลงเมื่อสวมใส่อีกครั้ง หูฟัง 1 ข้างสามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้นานสุดถึง 8.5 ชั่วโมง ถ้าเปิดใช้ระบบ ANC จะใช้ได้ 7.5 ชั่วโมง เบา สบายทุกการสวมใส่ ด้วยการออกแบบที่พอดีกับรูปทรงหูมากที่สุด พร้อมน้ำหนักที่เบาเพียง 4 กรัม รองรับการเชื่อมต่อแบบ Multipoint จับคู่การใช้งานพร้อมกัน 2 อุปกรณ์ รวดเร็ว และเสถียรกว่า ด้วย Bluetooth 5.3 ที่มาพร้อม Game Mode ลดดีเลย์ลงไปได้ต่ำสุดถึงระดับ 80Ms อิสระในการปรับแต่ง ด้วยการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน iSUPER Play ตอนนี้ทางเว็บมีโปรลดราคาอยู่นะครับเหลือ 1299 บาท จาก 1599 บาทแถมส่งฟรีด้วยนะครับ

iSuper SOUND PRO Air

อีกตัวที่อยากที่อยากแนะนำไม่แพ้ตัวแรกแต่ราคาถูกลงกว่านิดหนึ่ง ตัวนี้สมบูรณ์ทุกย่านเสียง ปรับจูนโดยผู้เชี่ยวชาญให้โทนเสียงตามสไตล์คนไทย ให้โทนเสียงเบสที่หนักแน่น เสียงกลางคมชัด และรายละเอียดที่ครบถ้วน ขับคุณภาพเสียง ด้วย Dynamic Driver ขนาด 13 มิลลิเมตร ดำดิ่งความเงียบไปอีกขั้น ด้วยเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน Adaptive ANC มอบความเงียบในการใช้งานที่มากกว่า หูฟัง Earbuds ทั่วไป สามารถปรับระดับการตัดเสียง ด้วย Ai ตามสถานการณ์ที่พบเจอ ช่วยให้การฟังเพลง และการดูคอนเทนต์ต่างๆ มีอรรถรสมากยิ่งขึ้น คมชัดทุกการสนทนา ด้วยไมโครโฟน 6 ตัว + ENC ตัดเสียงรบกวน หูฟัง 1 ข้าง มาพร้อมไมโครโฟนถึง 3 ตัว ที่ทำหน้าที่ต่างกันออกไป Main Mic ไมโครโฟนรับเสียงพูดของผู้ใช้งาน Feedforward Mic ไมโครโฟนรับเสียงจากภายนอก Feedback Mice ไมโครโฟนลดเสียงสะท้อน

ที่สุดของคุณภาพเสียง ที่มาพร้อมกับการปรับเสียงด้วย Ai Algorithm ช่วยให้เสียงฟังสนุก และปรับแต่งเสียงให้สมบูรณ์มากที่สุดเมื่อใช้งาน อิสระในการปรับแต่ง ด้วยการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน iSUPER Play สามารถปรับการตั้งค่าต่างๆ และปรับโทนเสียงที่ต้องการได้ตามใจ เทคโนโลยีตัดเสียงลม Adaptive Wind Noise Cancellation ช่วยให้การฟังเพลง และการโทรไม่ถูกรบกวนจากเสียงลม สวมใส่สบาย พอดีกับใบหูมากขึ้น พร้อมน้ำหนักที่เบาเพียง 4 กรัม หูฟัง 1 ข้างสามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้นานสุดถึง 5 ชั่วโมง ถ้าเปิด ANC ใช้งานได้ 4 ชั่วโมง รวดเร็ว และเสถียรกว่า ด้วย Bluetooth 5.3 ที่มาพร้อม Game Mode สามารถลดดีเลย์ลงไปได้ต่ำสุดถึงระดับ 80Ms ในราคา 1199บาทเท่านั้น พร้อมประกัน 1 ปี

คำแนะนำสำหรับการเลือกใช้งาน

  • ทดลองฟังก่อนซื้อ: การฟังเสียงเปรียบเทียบด้วยตัวเองระหว่าง Hi-Res Audio Wireless และระบบเสียงทั่วไปจะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่าง
  • ศึกษาข้อมูลรีวิว: อ่านรีวิวจากผู้เชี่ยวชาญและผู้ใช้งานจริงเพื่อเลือกอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ
  • ซื้อไฟล์เพลงจากแหล่งที่เชื่อถือได้: เลือกแหล่งจำหน่ายเพลง Hi-Res ที่ได้รับการยืนยัน เช่น Tidal, Qobuz หรือ HDtracks

สรุป

Hi-Res Audio Wireless เป็นเทคโนโลยีที่ผสานคุณภาพเสียงระดับสูงเข้ากับความสะดวกสบายแบบไร้สาย เหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพเสียงและความง่ายดายในการใช้งาน หากคุณต้องการสัมผัสประสบการณ์การฟังเพลงที่เหนือชั้น การลงทุนในอุปกรณ์ที่รองรับ Hi-Res Audio Wireless จะช่วยยกระดับความสุขในการฟังเพลงของคุณอย่างแน่นอน


บทความที่เกี่ยวข้อง
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy