แชร์

หูฟังสำหรับผู้เริ่มต้น เลือกซื้ออย่างไร ใช้งานอย่างไร ให้ตอบโจทย์ความต้องการ

อัพเดทล่าสุด: 2 มิ.ย. 2025
30 ผู้เข้าชม

เดี๋ยวนี้ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องมี "หูฟัง" คู่ใจติดตัวกันทั้งนั้นใช่ไหมครับ? ไม่ว่าจะใช้ฟังเพลงตอนเดินทาง, ดูซีรีส์ไม่ให้เสียงดังรบกวนคนข้างๆ, ประชุมออนไลน์, หรือแม้แต่ใส่เท่ๆ คูลๆ แต่พอจะเลือกซื้อหูฟังใหม่สักอัน โดยเฉพาะถ้าเราเป็น "มือใหม่" ที่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเทคนิคอะไรมากนัก...โอ้โห! เปิดเว็บดูทีไร มีแต่แบบนั้นแบบนี้ เต็มไปหมด ทั้ง Earbud, In-Ear, Over-Ear, ไหนจะไร้สาย มีสาย อีก! งงไปหมด!

ไม่ต้องกังวลไปครับ! ในฐานะ คนที่คลุกคลีอยู่กับสารพัดหูฟัง และเข้าใจหัวอกมือใหม่เป็นอย่างดี  วันนี้เราจะมาเป็น "ไกด์ส่วนตัว" พาเพื่อนๆ ที่กำลังมองหาหูฟังคู่แรก หรืออยากจะเข้าใจเรื่องหูฟังมากขึ้น ไปดูแบบง่ายที่สุด สไตล์เพื่อนคุยกันเลยว่า ควรจะ "เลือกซื้อ" โดยดูอะไรบ้าง? และพอได้มาแล้ว จะ "เริ่มใช้งาน" ยังไง? เพื่อให้ได้หูฟังที่ "ใช่" ตอบโจทย์ความต้องการของเราจริงๆ ด้วยข้อมูลที่ เชื่อถือได้  และอัปเดตล่าสุดครับ!

Part 1: เลือกซื้อ "หูฟังคู่แรก"...ดูอะไรบ้างนะ? (ไม่งง ไม่พลาด!)

ก่อนจะควักกระเป๋า เรามาทำการบ้านกันนิดนึง จะได้ไม่เสียเงินฟรีครับ!

  1. ถามใจตัวเองก่อน: "จะเอาไปใช้ทำอะไรเป็นหลัก?" (สำคัญที่สุด!) ️
  • ฟังเพลงชิลล์ๆ อยู่บ้าน/ที่ทำงาน?: อาจจะเน้นความสบาย คุณภาพเสียงกลางๆ
  • ใส่เดินทาง (BTS, รถเมล์, เครื่องบิน)?: อาจจะอยากได้แบบกันเสียงรอบข้างได้ดี
  • ใส่ออกกำลังกาย?: ต้องเน้นความกระชับ กันเหงื่อ ไม่หลุดง่าย!
  • ใช้คุยโทรศัพท์/ประชุมออนไลน์บ่อยๆ?: คุณภาพไมโครโฟนต้องดี!
  • ชอบดูหนัง/เล่นเกม?: อาจจะอยากได้เสียงที่มีมิติ หรือดีเลย์น้อยๆ (ถ้าเป็นไร้สาย)
  • งบประมาณเท่าไหร่?: ตั้งงบไว้ในใจก่อน จะได้ไม่บานปลาย

(ทำไมต้องถาม?: การรู้ว่าเราจะเอาไป "ใช้ทำอะไร" เป็นหลัก จะช่วยให้เรา "ตัดตัวเลือก" ที่ไม่จำเป็นออกไปได้เยอะมาก!)

2. รู้จัก "หน้าตา" หูฟังแบบต่างๆ (เลือกให้เข้ากับสไตล์เรา!)

หูฟังหลักๆ ที่เห็นกันบ่อยๆ มีประมาณนี้ครับ:

แบบครอบหู:

  • หน้าตา: ใหญ่ๆ มีก้านคาดหัว ตัวครอบหู (Earcup) จะ "ครอบ" ใบหูเราเข้าไปทั้งใบ
  • ดียังไง?: ส่วนใหญ่ เสียงดีที่สุด! เบสแน่น เสียงมีมิติ เพราะไดรเวอร์ (ตัวกำเนิดเสียง) ใหญ่, กันเสียงภายนอกได้ดี (โดยเฉพาะรุ่นที่เป็นแบบ Closed-back), ใส่สบายสำหรับบางคนถ้า Earcup นุ่มและออกแบบดี
    อาจจะไม่ถูกใจตรง...: ใหญ่เทอะทะ พกพาลำบากหน่อย, บางคนใส่แล้ว ร้อนหู (โดยเฉพาะอากาศบ้านเรา)
  • เหมาะกับ: ฟังเพลงจริงจังอยู่บ้าน, ดูหนัง, เล่นเกม, ทำงานที่ต้องการสมาธิ

แบบแนบหู

  • หน้าตา: คล้าย Over-Ear แต่ตัว Earcup จะ "แปะ" หรือ "แนบ" อยู่บนใบหู ไม่ได้ครอบเข้าไปทั้งหมด
  • ดียังไง?: ขนาดเล็กและเบากว่า Over-Ear พกพาง่ายกว่า, เสียงอาจจะโปร่งกว่านิดหน่อย
    อาจจะไม่ถูกใจตรง...: อาจจะ "บีบ" หรือ "กด" ใบหู ทำให้เจ็บได้ถ้าใส่เป็นเวลานาน (แล้วแต่รุ่นและรูปทรงหู), กันเสียงภายนอกได้ไม่ดีเท่า Over-Ear
  • เหมาะกับ: ใช้งานทั่วไป, คนที่อยากได้คุณภาพเสียงดีกว่าหูฟังเล็กๆ แต่ยังพกพาสะดวก

แบบอินเอียร์

  • หน้าตา: ตัวหูฟังมีขนาดเล็ก และ มี "จุกหูฟัง" (Eartips) ที่ทำจากซิลิโคนหรือโฟม เพื่อ "สอด" ลึกเข้าไปในรูหู
  • ดียังไง?: เสียงดีมาก! เบสแน่น! รายละเอียดชัด! เพราะเสียงส่งตรงเข้ารูหูและมี Seal ที่ดี, กันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีเยี่ยม, ใส่แล้วกระชับ ไม่หลุดง่าย (ถ้าเลือกจุกถูกขนาด)
  • อาจจะไม่ถูกใจตรง...: บางคนอาจรู้สึกอึดอัด/แน่น/ระคายเคือง เมื่อใส่เป็นเวลานาน, ไม่ได้ยินเสียงรอบข้างเลย (อาจอันตรายในบางสถานการณ์), ต้องระวังเรื่องระดับเสียง (เพราะมันอุดหูสนิท)
  • เหมาะกับ: คนรักเสียงเพลงที่เน้นคุณภาพเสียงและเบส, ใช้ตอนเดินทาง, ออกกำลังกาย, หรือต้องการสมาธิ

แบบเอียร์บัด

  • หน้าตา: ตัวหูฟังจะ วางหรือ "แปะ" อยู่บริเวณแอ่งใบหูด้านนอก ไม่ได้สอดลึกเข้าไปในรูหู (นึกภาพหูฟัง Apple EarPods หรือ True Wireless บางรุ่นที่ดีไซน์คล้ายๆ กัน)
  • ดียังไง?: ใส่สบายสุดๆ เพราะไม่อึดอัดรูหู, โปร่ง โล่ง ไม่อับชื้น, ยังพอได้ยินเสียงรอบข้าง (ปลอดภัยเวลาเดินริมถนน)
    อาจจะไม่ถูกใจตรง...: เสียงเบสอาจจะไม่หนักแน่น เพราะเสียงรั่วออกง่าย, กันเสียงภายนอกได้น้อยมาก, อาจหลุดง่าย สำหรับบางคนเวลาเคลื่อนไหวเยอะๆ
  • เหมาะกับ: คนที่ไม่ชอบความรู้สึกมีอะไรสอดในรูหู, ต้องการฟังเพลงสบายๆ และยังอยากได้ยินเสียงรอบข้าง, ใช้งานทั่วไปในที่ที่ไม่เสียงดังมาก

3."มีสาย" หรือ "ไร้สาย" (Bluetooth / TWS) ดีล่ะ? 

หูฟังมีสาย

ข้อดี: ไม่ต้องชาร์จแบต! เสียบปุ๊บ ฟังได้ปั๊บ, ในงบประมาณเท่ากัน มักจะได้คุณภาพเสียงที่ดีกว่า แบบไร้สาย, ไม่มีปัญหาเรื่องเสียงดีเลย์
ข้อเสีย: สายเกะกะ! พันกันง่าย, เกี่ยวโน่นนี่, มือถือรุ่นใหม่ๆ (โดยเฉพาะ iPhone) ไม่มีรูเสียบหูฟัง 3.5 มม. แล้ว! (อาจจะต้องใช้ตัวแปลง ซึ่งก็วุ่นวายไปอีก)

หูฟังไร้สาย (Wireless - ส่วนใหญ่คือ Bluetooth):

ข้อดี: อิสระ! ไม่มีสายมากวนใจ เคลื่อนไหวสะดวก
ข้อเสีย: ต้องชาร์จแบตเตอรี่, อาจจะมี เสียงดีเลย์บ้างเล็กน้อย (ถ้าดูหนัง/เล่นเกม อาจจะรู้สึกได้), ราคาสูงกว่าแบบมีสาย (เมื่อเทียบสเปกใกล้กัน)
True Wireless (TWS): คือแบบไร้สาย "จริงๆ" สองข้างแยกอิสระเลย (เช่น AirPods, Galaxy Buds) พกพาสะดวกสุดๆ แต่ก็หล่นหายง่ายสุดๆ เหมือนกัน! แบตที่ตัวหูฟังอาจจะอยู่ได้ไม่นานเท่าแบบไร้สายที่มีสายคล้องคอ แต่ก็มีเคสชาร์จช่วยเพิ่มพลังงาน

(คำแนะนำจากใจ: ถ้ามือถือคุณไม่มีรูหูฟังแล้ว หรือคุณเน้นความสะดวกคล่องตัว "หูฟังบลูทูธ" น่าจะตอบโจทย์กว่าครับ )

4. ฟีเจอร์พื้นฐาน "ที่มือใหม่ควรรู้"

ไม่ต้องดูสเปกเทพอะไรมากครับ สำหรับมือใหม่ ดูแค่นี้ก่อนก็พอ:

คุณภาพเสียง: ไม่ต้องถึงขั้นหูทอง แต่ก็ควรจะฟังแล้ว "โอเค" เสียงไม่แตกพร่า เบสมีพอประมาณ เสียงร้องชัดเจน (อันนี้ต้องลองฟังเอง หรืออ่านรีวิวเยอะๆ ครับ
ความสบายในการสวมใส่ (Comfort): สำคัญมาก! หูฟังที่ดีแค่ไหน แต่ถ้าใส่แล้วเจ็บหู ก็คงไม่อยากใช้
แบตเตอรี่: ใช้งานต่อเนื่องได้กี่ชั่วโมง? เคสชาร์จ (ถ้าเป็น TWS) ชาร์จเพิ่มได้อีกกี่รอบ? เพียงพอต่อการใช้งานของเราในแต่ละวันไหม?
ไมโครโฟน: ถ้าคุณต้องใช้คุยโทรศัพท์ หรือประชุมออนไลน์บ่อยๆ คุณภาพไมค์ต้องดี เสียงพูดเราต้องชัดเจน ไม่ใช่เสียงอู้อี้เหมือนอยู่ในโอ่ง
การเชื่อมต่อ: เป็น Bluetooth เวอร์ชั่นอะไร? (5.0 ขึ้นไปก็ถือว่าดีแล้ว สัญญาณค่อนข้างนิ่ง)
ความทนทาน: ดูวัสดุ งานประกอบแล้วแข็งแรงไหม? น่าจะใช้ได้นานหรือเปล่า?
(เสริม) การกันน้ำ/กันเหงื่อ: ถ้าจะใส่ออกกำลังกาย ต้องดู! อย่างน้อยควรมี IPX4 (กันเหงื่อ/ละอองน้ำ)

5. "งบ" เท่าไหร่ดี? (ตั้งไว้ก่อน จะได้ไม่ใจแตก! - Budget)

หูฟังมีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลายหมื่น! ลองตั้งงบประมาณในใจไว้ก่อน จะช่วยให้เราโฟกัสไปที่ตัวเลือกที่อยู่ในงบได้ง่ายขึ้นครับ ของดีราคาถูกอาจจะมี แต่ของถูกมากๆ คุณภาพก็อาจจะตามราคานะครับ

Part 2: ได้หูฟังมาแล้ว...เริ่ม "ใช้งาน" ยังไง? (ง่ายนิดเดียว!)

พอได้หูฟังคู่ใจมาแล้ว มาดูวิธีเริ่มใช้งานเบื้องต้นกันครับ:

  1. "เติมพลัง" ก่อนเลย! (สำหรับหูฟังไร้สาย - First Charge)

    แกะกล่องมาปุ๊บ อย่าเพิ่งรีบใช้! เอาไปชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อนครับ (ส่วนใหญ่ประมาณ 1-3 ชั่วโมง แล้วแต่รุ่น) เพื่อให้แบตฯ พร้อมใช้งานเต็มที่
    ดูไฟสถานะการชาร์จด้วยนะ (เช่น แดง=กำลังชาร์จ, เขียว/ฟ้า/ขาว/ดับ=เต็ม)
  2. "จับคู่" (Pairing) กับมือถือ/คอมฯ (ครั้งแรกอาจจะงงนิดหน่อย - Bluetooth Pairing)

    เปิด Bluetooth ที่มือถือ/คอมฯ ของคุณ (เข้าไปใน Settings > Bluetooth > เปิด ON)
    ทำให้หูฟังเข้า "โหมดจับคู่" (Pairing Mode):
    หูฟังแต่ละรุ่นมีวิธีเข้าโหมดนี้ไม่เหมือนกัน! ต้องดูคู่มือที่มากับหูฟังเป็นหลัก!
    ส่วนใหญ่คือ กดปุ่ม Power (หรือปุ่ม Multifunction) ค้างไว้ นานกว่าตอนเปิดเครื่องปกติ (เช่น 5-10 วินาที) จนไฟสถานะที่หูฟังกระพริบเป็นสีพิเศษ (เช่น น้ำเงินสลับแดง, หรือกระพริบถี่ๆ) -> นี่แหละคือสัญญาณว่า "ฉันพร้อมหาคู่แล้วจ้า!"
    (TWS บางรุ่น แค่เปิดฝาเคส ก็เข้าโหมดจับคู่ให้เลย)
    ที่มือถือ/คอมฯ: กดค้นหาอุปกรณ์ (Scan for devices) รอสักพักชื่อหูฟังของเราจะโผล่ขึ้นมาในลิสต์ ก็กดเลือกชื่อนั้นเลย!
    (อาจจะมีให้ใส่ PIN Code ซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเจอแล้ว ถ้าถามก็ลอง 0000 หรือ 1234)
    เมื่อเชื่อมต่อสำเร็จ จะมีเสียงแจ้งเตือน หรือไฟที่หูฟังเปลี่ยนไป
  3. ปุ่มพื้นฐาน...กดตรงไหน ทำอะไรได้บ้าง?

    หูฟังส่วนใหญ่จะมีปุ่ม (หรือระบบสัมผัส) สำหรับควบคุมพื้นฐาน ลองหัดใช้ให้คล่องครับ:

    เล่นเพลง / หยุดเพลง
    เปลี่ยนเพลง (เพลงถัดไป / เพลงก่อนหน้า)
    เพิ่มเสียง / ลดเสียง
    รับสาย / วางสาย / ปฏิเสธสาย
    (บางรุ่น) เรียกใช้งาน Voice Assistant (Siri / Google Assistant)

(อ่านคู่มือดูนะครับว่าปุ่มไหนทำอะไรบ้าง จะได้ไม่กดผิดกดถูก)

Part 3: ใช้ยังไงให้ "เสียงดี" และ "อยู่กับเราไปนานๆ"?

1."ฟังอย่างปลอดภัย"

อย่าเปิดเสียงดังเกินไป! โดยเฉพาะหูฟัง In-Ear ที่เสียงมันอัดเข้ารูหูโดยตรง การฟังดังๆ นานๆ เสี่ยงหูเสื่อมถาวรได้นะครับ!
กฎทอง 60/60: พยายามฟังเสียงดัง ไม่เกิน 60% ของระดับเสียงสูงสุด และฟังต่อเนื่อง ไม่เกิน 60 นาที แล้วควรพักหูบ้าง
ถ้าอยู่ในที่เสียงดัง: แทนที่จะเร่งเสียงเพลงสู้ ลองหาหูฟังที่มีระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ดีๆ มาใช้ จะช่วยได้เยอะ และไม่ต้องเปิดเพลงดังมาก

2.. ดูแล "น้องหูฟัง" หน่อยนะ

  • ทำความสะอาดบ้าง: โดยเฉพาะจุกหูฟัง In-Ear ควรถอดมาล้าง หรือเช็ดด้วยแอลกอฮอล์บ้าง ป้องกันการสะสมของขี้หูและแบคทีเรีย
  • เก็บให้ถูกที่: ใช้เสร็จ (โดยเฉพาะ TWS) ควรเก็บเข้าเคสชาร์จ ป้องกันการหล่นหายหรือเสียหาย ถ้าเป็นแบบมีสาย ก็ม้วนเก็บดีๆ อย่าปล่อยให้พันกันหรือโดนดึงกระชาก
  • การชาร์จแบตฯ (สำหรับไร้สาย):
    ไม่ต้องรอให้แบตหมดเกลี้ยงค่อยชาร์จ เหลือ 20-30% ก็ชาร์จได้
    ชาร์จเต็มแล้วก็ถอดได้ ไม่จำเป็นต้องเสียบทิ้งไว้ข้ามคืนตลอด (แม้จะมีระบบตัดไฟ แต่การไม่ชาร์จแช่ก็ช่วยถนอมแบตฯ ได้ดีกว่า)
    อย่าปล่อยให้แบตหมดสนิทแล้วทิ้งไว้นานๆ แบตอาจจะ "ตาย" ได้

บทสรุป: เลือก "คู่หู" ที่ใช่...แล้วสนุกกับโลกของเสียงได้อย่างเต็มที่!

การเลือกซื้อหูฟังสำหรับผู้เริ่มต้น อาจจะดูมีอะไรให้คิดเยอะแยะไปหมดใช่ไหมครับ? แต่ถ้าเรา "เริ่มต้นจากความต้องการของตัวเอง"  ทำความเข้าใจ "ประเภทหูฟังพื้นฐาน" และ "ฟีเจอร์ที่จำเป็น"  การเลือกหูฟังที่ "ใช่" ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

และเมื่อได้หูฟังคู่ใจมาแล้ว ก็อย่าลืม "ใช้งานอย่างถูกวิธี" และ "ฟังอย่างปลอดภัย" เพื่อให้เราสามารถเพลิดเพลินกับเสียงเพลง หนัง หรือ Podcast ที่เราชอบ ไปได้อีกนานแสนนานนะครับ! ขอให้มีความสุขกับการฟังครับ!


บทความที่เกี่ยวข้อง
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy