แชร์

หูฟังบลูทูธโดนน้ำ สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำทันที

อัพเดทล่าสุด: 24 พ.ค. 2025
4 ผู้เข้าชม

"โอ๊ย! ไม่นะ!" เสียงอุทานพร้อมใจที่หล่นวูบ เมื่อหูฟังบลูทูธคู่ใจ ไม่ว่าจะรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ ราคาเท่าไหร่ ดันพลัดตกลงไปในน้ำ ไม่ว่าจะอ่างล้างหน้า, แก้วน้ำ, โถส้วม (อันนี้พีคสุด!), หรือแม้แต่โดนฝนสาดกระหน่ำจนเปียกโชก เชื่อว่าวินาทีนั้นหลายคนคงสติแตก ทำอะไรไม่ถูก อยากจะกรี๊ดแต่ก็ทำไม่ได้

ใจเย็นๆ ก่อนครับ! การที่หูฟังบลูทูธโดนน้ำ แม้จะดูเป็นเรื่องใหญ่ แต่ถ้าเรารู้ "วิธีปฐมพยาบาล" ที่ถูกต้องและ "รวดเร็ว" ก็ยังมีโอกาสที่น้องหูฟังสุดที่รักของเราจะรอดชีวิตกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม! ในฐานะ ผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์กู้ชีพ Gadget เปียกน้ำมาบ้าง และเข้าใจหลักการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์  บทความนี้จะมาแชร์ "สิ่งที่ควรทำ" และ "สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาด!" ทันทีที่หูฟังบลูทูธของคุณกลายเป็น "นักประดาน้ำจำเป็น" ครับ!

วินาทีฉุกเฉิน! "ควรทำ" อะไรทันที เมื่อหูฟังบลูทูธตกน้ำ?

จำไว้ว่า "ความเร็วคือหัวใจ" ยิ่งช่วยน้องได้เร็ว โอกาสรอดก็ยิ่งสูง!

1.รีบ "เอาขึ้น" จากน้ำให้ไวที่สุด!
ไม่ต้องคิดนาน! วินาทีนี้อย่าเพิ่งเสียดาย หรือมัวแต่ตกใจ รีบคว้าขึ้นมาจากน้ำทันที ยิ่งแช่นาน น้ำยิ่งมีโอกาสซึมเข้าไปข้างในเยอะ

2."ปิดเครื่อง" ทันที (ถ้าทำได้ และถ้ามันยังเปิดอยู่)
สำคัญมาก! เพื่อป้องกันการลัดวงจรภายใน ถ้าหูฟังมีปุ่มเปิด/ปิด ให้รีบกดปิดเลย แต่ถ้าเป็นแบบ TWS ที่เปิด/ปิดอัตโนมัติเมื่ออยู่ในเคส อาจจะข้ามไปข้อต่อไปก่อน
(ถ้าเป็น TWS) รีบแยกหูฟังออกจาก "เคสชาร์จ" ด้วยนะ! เผื่อน้ำเข้าเคสแล้วไฟยังวิ่งอยู่ อาจจะช็อตกันไปหมด

3."สะบัด" น้ำออกเบาๆ (ห้ามเขย่าแรง!)
จับหูฟังให้มั่น (ระวังหลุดมือซ้ำ!) แล้วสะบัดเบาๆ ให้น้ำที่ขังอยู่ตามซอก ตามรูต่างๆ (เช่น รูลำโพง, รูไมค์, พอร์ตชาร์จ) มันกระเด็นออกมาให้ได้มากที่สุด
: ถ้าเป็น TWS ให้หันด้านที่มีรูลำโพงหรือรูไมค์ลง แล้วสะบัดเบาๆ

4."ซับ" ให้แห้งที่สุดด้วยผ้าสะอาด/ทิชชูหนาๆ
ใช้ผ้าแห้งที่สะอาดและนุ่ม (เช่น ผ้าไมโครไฟเบอร์) หรือกระดาษทิชชูหนาๆ (แบบไม่เป็นขุยง่าย) ค่อยๆ "ซับ" น้ำตามพื้นผิวภายนอกของหูฟังและเคสชาร์จให้แห้งที่สุด
เน้นซับ อย่าถูแรงๆ เดี๋ยวชิ้นส่วนบอบบางเสียหาย หรือดันน้ำเข้าลึกกว่าเดิม
ซับตามซอกเล็กๆ, ขั้วชาร์จ, รูต่างๆ ให้ละเอียด

5."ผึ่งลม" ในที่แห้ง อากาศถ่ายเท (ห้ามตากแดด!)

วางหูฟังและเคสชาร์จ (ถ้าเปิดฝาได้ก็เปิดทิ้งไว้) ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก แต่ต้อง "ไม่ใช่กลางแดดจัด" นะครับ! ความร้อนจากแดดจะยิ่งทำลายวงจรและแบตเตอรี่
อาจจะวางไว้หน้าพัดลม (เปิดเบอร์เบาๆ) หรือในห้องที่เปิดแอร์ก็ได้
ทิ้งไว้อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง หรือจนกว่าจะมั่นใจว่าแห้งสนิทจริงๆ (ยิ่งนานยิ่งดี)
(ทางเลือก): ถ้ามี "ซิลิก้าเจล" (ซองดูดความชื้น) ที่ได้จากซองขนมหรือกล่องรองเท้า เอาหูฟังใส่ในกล่องหรือถุงซิปล็อกพร้อมกับซิลิก้าเจลหลายๆ ซอง ก็จะช่วยดูดความชื้นออกมาได้เร็วขึ้น (วิธีนี้เวิร์คมาก!)

"ห้ามทำเด็ดขาด!" ถ้าไม่อยากให้น้องหูฟังไปสวรรค์เร็วกว่าเดิม!

ข้อห้ามเหล่านี้สำคัญพอๆ กับสิ่งที่ควรทำเลยนะครับ จำให้ขึ้นใจ!

ห้าม! เปิดเครื่อง หรือพยายามเชื่อมต่อ/ใช้งานทันที: ใจเย็นๆ ก่อน! ถ้าข้างในยังชื้นอยู่แล้วเราเปิดเครื่อง กระแสไฟอาจจะวิ่งไป "ช็อต" วงจรพังได้เลย!
ห้าม! เอาไปเสียบชาร์จเด็ดขาด: จนกว่าจะมั่นใจว่าแห้งสนิทจริงๆ ทั้งตัวหูฟังและพอร์ตชาร์จ เพราะน้ำกับไฟไม่ถูกกัน!
ห้าม! ใช้ "ไดร์เป่าผม" ลมร้อนเป่า: ความร้อนสูงๆ จะทำลายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และแบตเตอรี่ได้ง่ายกว่าเดิมอีก! (ถ้าจะใช้ลมเป่า ให้ใช้ "ลมเย็น" เท่านั้น และเป่าห่างๆ เบาๆ)
ห้าม! เอาไป "ตากแดด" โดยตรง: เหมือนข้อข้างบน แดดแรงๆ ก็ร้อนเกินไป
ห้าม! เอาไป "อบในไมโครเวฟ" หรือ "แช่ข้าวสาร" (แบบผิดๆ):

ไมโครเวฟนี่คือพังสถานเดียว!
ข้าวสาร "อาจจะ" ช่วยดูดความชื้นได้บ้าง "ถ้า" หูฟังแห้งภายนอกแล้วและไม่มีฝุ่นข้าวเข้าไปอุดตันรูต่างๆ ได้อีก (แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ไม่แนะนำวิธีนี้แล้ว เพราะฝุ่นแป้งจากข้าวสารอาจจะเข้าไปสร้างปัญหาใหม่ได้) ใช้ซิลิก้าเจลชัวร์กว่าเยอะ

ห้าม! กดปุ่มต่างๆ หรือขยับชิ้นส่วนโดยไม่จำเป็น: ตอนที่มันยังเปียกอยู่ อาจจะทำให้น้ำซึมเข้าไปลึกกว่าเดิม

หลังจาก "ผึ่งจนแห้งสนิท" แล้วทำไงต่อ?

เมื่อมั่นใจว่าน้องหูฟังแห้งสนิทดีแล้ว (อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้น) ก็ถึงเวลาลุ้นระทึก:

ลองเปิดเครื่องดู: ถ้าเป็น TWS ลองใส่กลับเข้าเคสชาร์จ (ที่แห้งสนิทแล้วเช่นกัน) แล้วหยิบออกมาดูว่ามันเชื่อมต่อกับมือถือไหม

ทดสอบเสียง: ลองเปิดเพลงหรือโทรศัพท์ดูว่าเสียงออกปกติทั้งสองข้างไหม? คุณภาพเสียงเพี้ยนไปหรือเปล่า?

ทดสอบไมโครโฟน: ลองคุยโทรศัพท์ หรืออัดเสียงดู

ทดสอบการชาร์จ: ลองเสียบชาร์จดูว่าไฟเข้าปกติไหม? เครื่องร้อนผิดปกติหรือเปล่า?

ถ้า "รอด" ล่ะ? (เย้!)

ยินดีด้วยครับ! แต่หลังจากนี้ก็ คอยสังเกตอาการไปอีกสัก 2-3 วัน ว่ามีอะไรผิดปกติไหม เช่น แบตหมดเร็วกว่าเดิม, เสียงเพี้ยนๆ, หรือการเชื่อมต่อหลุดบ่อย
ถ้าทุกอย่างดูปกติ ก็ถือว่าโชคดีมากๆ ครับ!

ถ้า "ไม่รอด" หรือมีอาการ "แปลกๆ" ล่ะ?

เสียงออกข้างเดียว / เสียงแตกพร่า / ไมค์ไม่ดัง / ชาร์จไม่เข้าเลย:

ลอง "รีเซ็ตค่าโรงงาน" (Factory Reset) ของหูฟังดูครับ (วิธีทำแต่ละรุ่นไม่เหมือนกัน ต้องดูคู่มือ หรือค้นหาใน Google) เผื่อซอฟต์แวร์มันรวนจากการโดนน้ำ

ถ้ายังไม่หายอีก...อาจจะต้อง ทำใจ หรือ ส่งศูนย์/ร้านซ่อมที่ไว้ใจได้ ให้เขาประเมินดูครับ แต่ต้องบอกก่อนว่า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่โดนน้ำมา การซ่อมอาจจะไม่คุ้ม หรือซ่อมแล้วก็อาจจะไม่ทนเหมือนเดิม

ถ้าเครื่อง "ร้อนจัด" หรือ "แบตบวม" หลังโดนน้ำ: หยุดใช้งานทันที! และอย่าพยายามชาร์จอีกเด็ดขาด! อันตรายมากครับ ควรนำไปทิ้งอย่างถูกวิธี (ถังขยะอิเล็กทรอนิกส์)

บทสรุป: "สติ" และ "ความเร็ว" คือกุญแจรอดของหูฟังเปียกน้ำ!

อุบัติเหตุหูฟังบลูทูธโดนน้ำเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอ แต่ถ้าเรา มีสติ ทำตาม "สิ่งที่ควรทำ" อย่างรวดเร็ว และหลีกเลี่ยง "สิ่งที่ห้ามทำ" อย่างเคร่งครัด โอกาสที่หูฟังสุดรักของเราจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งก็มีสูงมากครับ!

จำไว้ว่า "ห้ามเปิดเครื่อง ห้ามชาร์จ จนกว่าจะแห้งสนิท!" และถ้าไม่แน่ใจ หรืออาการมันดูหนักหนา การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก็เป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวคุณและอุปกรณ์นะครับ! ขอให้น้องหูฟังของทุกคนปลอดภัยจากวิกฤตน้ำท่วมนะครับ!


บทความที่เกี่ยวข้อง
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy