แชร์

ฟังเพลงด้วยหูฟังบลูทูธยังไงไม่ให้"หูพัง"ก่อนวัย

อัพเดทล่าสุด: 23 พ.ค. 2025
3 ผู้เข้าชม

เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็ใช้ "หูฟังบลูทูธ" กันทั้งนั้นแหละเนอะ! มันสะดวก สบาย ไม่มีสายเกะกะ จะฟังเพลงตอนเดินทาง, ดูซีรีส์มาราธอน, ประชุมออนไลน์, หรือแม้แต่ใส่เดินเล่นชิลล์ๆ ก็เพลินสุดๆ ยอดขายหูฟังทั่วโลกนี่พุ่งกระฉูดเลยนะ ปีนึงขายกันเป็นร้อยล้านคู่! หลายคนใส่กันวันละหลายชั่วโมงจนแทบจะเป็นอวัยวะที่ 33 ไปแล้ว!

แต่! ความสบายและความเป็นส่วนตัวที่ได้มาเนี่ย มันก็มี "ดาบสองคม" ซ่อนอยู่นะเพื่อนๆ เพราะถ้าเราฟังเสียงดังเกินไปนานๆ "หู" ของเรานี่แหละที่จะประท้วง! องค์การอนามัยโลก (WHO) ถึงกับออกมาเตือนเลยว่า วัยรุ่นและคนหนุ่มสาวทั่วโลกเป็น "พันล้านคน" กำลังเสี่ยงหูเสื่อมถาวร เพราะพฤติกรรมการฟังที่ไม่ปลอดภัย! แล้วคาดกันว่าอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า คนจะมีปัญหาการได้ยินกันเยอะมากๆ

เรื่องนี้ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะ! ในฐานะ คนที่รักเสียงเพลงและแคร์สุขภาพหูของทุกคน วันนี้เราจะมา "เปิดอกคุย" กันแบบง่ายที่สุดว่า ทำไมฟังดังไปมันถึงอันตราย? แค่ไหนถึงเรียกว่า "ดังไป"? แล้วเราจะใช้หูฟังบลูทูธคู่ใจยังไงให้ "ปลอดภัย" หูไม่พังก่อนวัยอันควร?

หูเรา "ได้ยินเสียง" ได้ไง? แล้ว "เสียงดัง" มันทำร้ายตรงไหน?

นึกภาพง่ายๆ นะครับ:

คลื่นเสียงเดินทาง: เสียงจากหูฟัง (หรือรอบๆ ตัว) เป็นคลื่น เดินทางเข้า "รูหู" เรา
แก้วหูสั่น: ไปชน "แก้วหู" (แผ่นบางๆ) ทำให้มันสั่น
กระดูกจิ๋วส่งต่อ: แรงสั่นถูกส่งต่อผ่านกระดูกเล็กๆ 3 ชิ้นในหูชั้นกลาง
เซลล์ขนในคอเคลียแปลงร่าง!: แรงสั่นไปถึง "คอเคลีย" (อวัยวะรูปหอยโข่งในหูชั้นใน) ซึ่งข้างในมี "เซลล์ขน" (Hair Cells) เล็กจิ๋วๆ เป็นหมื่นๆ เซลล์เรียงกันอยู่ เจ้าเซลล์ขนพวกนี้แหละ ที่จะ "แปลง" แรงสั่นเป็น "สัญญาณไฟฟ้า" ส่งไปให้สมองเราแปลว่าเป็นเสียงต่างๆ
ยิ่งดัง ยิ่งสั่นแรง!: ถ้าเราฟังเสียงดังมากๆ เซลล์ขนพวกนี้ก็จะโดนกระตุ้นให้ทำงานหนัก สั่นสะเทือนรุนแรงและต่อเนื่อง

ประเด็นคือ... ถ้าเซลล์ขนพวกนี้โดน "ทรมาน" จากเสียงดังๆ นานเกินไป มันจะ "เสียหาย" หรือ "ตาย" ไปเลย! และที่สำคัญที่สุดคือ เซลล์ขนพวกนี้ "ตายแล้วตายเลย" นะครับเพื่อนๆ มัน "ไม่งอกใหม่" หรือ "ซ่อมตัวเอง" ไม่ได้! การสูญเสียเซลล์ขนก็เท่ากับเราสูญเสียความสามารถในการได้ยินเสียงในช่วงนั้นๆ ไปอย่าง "ถาวร" นั่นเอง

ผลกระทบระยะยาว (น่ากลัวกว่าที่คิด!):

ประสาทหูเสื่อมก่อนวัย: แก่เร็ว หูตึงเร็ว
เสียงวิ้งๆ ในหู (ทินนิซัส - Tinnitus): อาจจะมีเสียงหึ่งๆ วี้ดๆ กวนใจตลอดเวลา ทั้งที่ไม่มีเสียงอะไรจริงๆ
สูญเสียการได้ยินบางส่วน หรือทั้งหมด (หูหนวก)
กระทบจิตใจและชีวิตประจำวัน: เครียด, หงุดหงิด, สื่อสารกับคนอื่นลำบาก, เสียสมาธิ, เรียนหรือทำงานประสิทธิภาพลดลง, บางคนถึงขั้นมีภาวะวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือนอนไม่หลับเลยก็มี

จำไว้เลยนะ: "หูเสื่อมจากเสียงดัง ป้องกันได้ แต่รักษาให้หายขาดไม่ได้!" (WHO ก็บอกแบบนี้

"ดังแค่ไหน" ถึงจะเริ่ม "อันตราย"? (รู้จักเดซิเบล (dB) แบบง่ายๆ)

ความดังของเสียงเราวัดเป็น "เดซิเบล" (dB หรือ dBA) ลองดูตัวอย่างเสียงในชีวิตประจำวันเทียบกัน:

เสียงกระซิบ: ~30 dBA
คุยกันปกติ: ~60 dBA
เสียงรถติดในรถ: ~85 dBA (เริ่มต้องระวังแล้ว!)
เสียงไดร์เป่าผม: ~100 dBA
เสียงไซเรนรถพยาบาลใกล้ๆ: ~120 dBA (อันตรายมาก!)

WHO แนะนำว่า:

ผู้ใหญ่: ฟังเสียงดังเฉลี่ย ไม่เกิน 80 dBA ได้นานสุด 40 ชั่วโมง/สัปดาห์
เด็ก/วัยรุ่น: ฟังเสียงดังเฉลี่ย ไม่เกิน 75 dBA ได้นานสุด 40 ชั่วโมง/สัปดาห์
กฎสำคัญ: ยิ่งดัง ยิ่งต้องฟัง "สั้นลง" มากๆ! เช่น ถ้าฟังที่ 90 dBA (ดังกว่า 80 dBA ไม่มาก) เวลาปลอดภัยจะลดเหลือแค่ประมาณ 4 ชั่วโมง/สัปดาห์เท่านั้น! (ดูตารางประกอบในบทความต้นฉบับ)

ฟังเพลงจาก "หูฟังบลูทูธ" ยังไงให้ "ปลอดภัย" (เคล็ดลับง่ายๆ ที่ทำได้เลย!)

ข่าวดีคือ เราป้องกันได้ง่ายๆ ครับ!

1. "กฎทอง 60/60" จำให้ขึ้นใจ!

ฟังเสียงดังไม่เกิน 60% ของระดับเสียงสูงสุดที่มือถือ/หูฟังทำได้
ฟังต่อเนื่องไม่เกิน 60 นาที แล้ว "พักหู" สัก 5-10 นาที
(ง่ายๆ แค่นี้เอง แต่ช่วยได้เยอะมาก! )

2. เลือก "หูฟัง" ที่ใช่ (ช่วยได้เหมือนกันนะ!)

หูฟังตัดเสียงรบกวน (Noise-Cancelling): (ตัวช่วยที่ดีมาก) เวลาอยู่ข้างนอกเสียงดังๆ (เช่น บน BTS, ในร้านกาแฟ) มันจะช่วยลดเสียงรอบข้าง ทำให้เรา "ไม่ต้องเร่งเสียงเพลงสู้!" ก็ยังฟังรู้เรื่อง
(ข้อควรคิดนิดนึง -): ผู้เชี่ยวชาญบางคนก็แอบกังวลว่าถ้าเราใส่หูฟังตัดเสียงตลอดเวลา สมองอาจจะ "ขี้เกียจ" กรองเสียงเองตามธรรมชาติไปบ้าง ก็สลับๆ ใช้ หรือเปิดโหมดฟังเสียงภายนอก (Transparency Mode) บ้างก็ดีครับ

หูฟังครอบหู (Over-ear) vs. สอดหู (In-ear/Earbuds): จริงๆ แล้ว ถ้าเปิดดังเกินไปก็อันตรายทั้งคู่ แต่หูฟังครอบหู "อาจจะ" เสี่ยงน้อยกว่านิดหน่อย เพราะแหล่งกำเนิดเสียงมันอยู่ห่างจากแก้วหูเรามากกว่า แต่ยังไง "ความดัง" กับ "เวลา" ก็สำคัญที่สุด

3. "พักหู" บ้างนะ! (อย่าฟังมาราธอน!) ️️

ให้เซลล์ขนในหูมันได้พักฟื้นบ้าง ทุกๆ 1 ชั่วโมงที่ใช้หูฟัง ควรจะพักสัก 5-10 นาที เดินไปทำอย่างอื่นบ้าง

4. รู้ "ระดับเสียง" ที่เราฟัง (มือถือช่วยได้!)

มือถือสมัยนี้ (ทั้ง iPhone และ Android หลายรุ่น) มันฉลาดพอจะ บอกได้ว่าตอนนี้เราฟังเพลงดังแค่ไหน (เป็น dB) หรือ เตือนเมื่อเราฟังดังสะสมนานเกินไป ลองเข้าไปดูใน Settings > Sounds หรือ Health App ดูครับ
iPhone: มีฟีเจอร์ "Headphone Safety" ใน Settings > Sounds & Haptics > Headphone Safety สามารถตั้ง "Reduce Loud Sounds" ให้ลดเสียงดังเกินไปอัตโนมัติได้เลย
Android: บางรุ่นมี "Media volume limit" ในตั้งค่าเสียง หรืออาจจะต้องเปิด Developer Options เพื่อปรับแต่ง
(ใช้ฟีเจอร์พวกนี้ให้เป็นประโยชน์นะครับ มันช่วยเราได้จริงๆ -)

5. สังเกต "สัญญาณเตือน" จากหูของเรา!

ถ้าเริ่มมีอาการเหล่านี้ อย่าปล่อยทิ้งไว้! ควรรีบไปปรึกษาหมอหู คอ จมูก หรือนักโสตสัมผัสวิทยา:

หูอื้อ / ได้ยินไม่ค่อยชัด (เหมือนมีอะไรอุดหู)
ได้ยินเสียง "วิ้งๆๆๆ" หรือเสียงแปลกๆ ในหู (ทินนิซัส) (อันนี้กวนใจสุดๆ)
ปวดหู เวลาได้ยินเสียงดัง
ต้อง เปิดทีวี/วิทยุเสียงดังกว่าปกติ จนคนอื่นทัก
เริ่มฟังคนอื่นพูดไม่ค่อยชัด โดยเฉพาะในที่เสียงดังๆ

เทคโนโลยีหูฟังยุคใหม่...ก็เริ่มใส่ใจหูเรามากขึ้นนะ!

เดี๋ยวนี้ผู้ผลิตหูฟังก็เริ่มทำฟีเจอร์ดีๆ ออกมาช่วยเรา:

หูฟังที่จำกัดความดังอัตโนมัติ: ตั้งไว้เลยว่าไม่ให้ดังเกิน 85 dBA (เหมาะกับเด็กๆ)
หูฟังนำเสียงผ่านกระดูก (Bone Conduction): อันนี้ล้ำ! ไม่ได้ยัดหู แต่ส่งเสียงผ่านการสั่นที่กระดูกแก้ม ทำให้หูเรายัง "เปิด" รับเสียงรอบข้างได้ ปลอดภัยขึ้นเวลาใช้นอกบ้าน (แต่ถ้าเปิดดังไป ก็ยังทำร้ายหูชั้นในได้อยู่นะ)

บทสรุป: ฟังเพลงให้ "เพลิน" คู่ไปกับ "หูที่แข็งแรง" นะเพื่อนๆ!

หูฟังบลูทูธมันเจ๋งและสะดวกสบายจริงๆ ครับ ทำให้เรามีความสุขกับเสียงเพลงได้ทุกที่ทุกเวลา แต่การ "ฟังอย่างฉลาดและปลอดภัย" ก็สำคัญไม่แพ้กัน

จำง่ายๆ เลยครับ: "อย่าฟังดังเกินไป และอย่าฟังนานเกินไป" (กฎ 60/60 ช่วยได้เยอะ), พักหูบ้าง, ใช้ฟีเจอร์ในมือถือ/หูฟังช่วยควบคุมความดัง, และที่สำคัญที่สุดคือ "ฟังเสียงร่างกายตัวเอง" ถ้าเริ่มรู้สึกผิดปกติกับหูเมื่อไหร่ อย่ารีรอที่จะไปหาหมอนะครับ!

ดูแล "หู" คู่เดียวของเราให้อยู่กับเราไปนานๆ จะได้มีความสุขกับการฟังเสียงเพราะๆ ไปได้อีกนานแสนนานเลยครับ!


บทความที่เกี่ยวข้อง
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy